วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

อาหารกับสุขภาพ


10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2551 11:11 น. http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9510000079603

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อัศจรรย์โยคะ ศาสตร์แห่งการออกกำลังกายคลายโรค


การออกกำลังกาย

ทำรูปร่างสง่างาม กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น


โยคะ เป็นศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ ที่นอกจากจะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่สง่างาม กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น หลายท่าของโยคะยังช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ โยคะเป็นศาสตร์ที่เกิดมาจากโยคีที่เลียนแบบวิธีการรักษาโรคมาจากสัตว์ป่า ท่าหลายท่าของโยคะจึงเลียนแบบพฤติกรรมหรือท่าทางของสัตว์แต่ละชนิด

คนไทยอาจจะเห็นว่าการเล่นโยคะเป็นเรื่องยาก ซึ่งหลายคนกลัวคิดว่าตนเองคงไม่อาจทำท่าหกคะเมนเอาศีรษะลงพื้น หรือทำตัวเองให้อ่อนงอแบบคนที่ฝึกมานานได้ แต่เปล่าเลย เพราะโยคะที่นำมาเสนอนี้ทำง่ายแถมยังช่วยสร้างสมดุลระหว่างกายและใจจนสามารถเป็นบันไดขั้นแรกของคนที่อยากทำให้ใจสงบโดยไมต้องพึ่งการนั่งสมาธิแถมยังจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไปในตัว โยคะหลายท่าสามารถใช้รักษาโรคปวดคอ ปวดศีรษะ ปวดไหล่ ปวดหลังปวดสะโพกได้

1. ท่าแรก เป็นท่าที่สามารถลดอาการปวดหลังปวดเอวได้อย่างน่าทึ่ง ท่านี้เรียกว่าท่าครึ่งสะพานโค้ง เริ่มทำด้วยการคุกเข่าแยกขาออกจากกัน แอ่นหลังไปจับกับข้อเท้าทั้งสองข้าง ห้อยศีรษะไปด้านหลัง ให้เต็มที่ หายใจเข้าออกลึก ๆ นับ 1 – 5 และพัก ทำซ้ำติดต่อกัน 5 ครั้ง

2. หลังจากนั้นให้ทำท่าก้มต่อกันเป็นท่าต่อไป เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรงเท้าชิด ชูมือขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าก้มลงพร้อมกับการหายใจออก เอามือแตะปลายเท้ากลั้นลมหายใจไว้นับ 1 – 3 ก้มศีรษะลงชิดเข่า แล้วเงยหน้าขึ้นหายใจเข้า ทำแบบนี้ซ้ำกัน 5 ครั้ง แค่นี้ก็สามารถทำให้คุณคลายอาการ ปวดหลัง ปวดเอวได้

การออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะ เพื่อรักษาโรคนี้มีอีกหลายวิธีซึ่งเราจะนำเสนอในตอนต่อไป รับรองว่าจะช่วยให้คุณรู้สึกทุเลาเบาบางอาการเจ็บป่วยได้

อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า การฝึกโยคะนั้นจำเป็นต้องมีวินัยและทุ่มเทเวลาทำอย่างต่อเนื่อง หากเกิดความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง อาจจะทำให้เราไม่เห็นประโยชน์ของโยคะได้อย่างแท้จริง

เรื่องโดย : ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content http://www.thaihealth.or.th/
หาอ่านได้จาก : จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข เดือนมิถุนายน 2551